วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556


วัยรุ่น

รอบรู้เรื่องวัยรุ่น

แฟชั่นและความนิยมของวัยรุ่น



แฟชั่นและความนิยมของวัยรุ่น


แฟชั่นและความนิยมของวัยรุ่น
ด้วยการที่สังคมเรานั้นได้มีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความนิยมเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเข้ามาเป็นประจำด้วย และสิ่งเหล่านั้นก็ได้มีการซึมซับเข้าสู่วัยรุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความนิยมในเรื่องของเครื่องมือต่างๆที่มีความทันสมัยของไอที อีกทั้งยังเป้ฯเรื่องของการแต่งตัว เรื่องของการแต่งหน้า และเกี่ยวกับเรื่องของการปฏิบัติตัวด้วยเช่นกัน ที่วัยรุ่นได้ซึมซับเข้าสู่ตนเองด้วยค่ะ
แต่ค่านิยมเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นเรื่องที่วัยรุ่นให้ความสนใจ อีกทั้งยงมีอิทธิพลต่อการกระทำด้านต่างๆของวัยรุ่นด้วยเช่นกันค่ะ ซึ่งมีวัยรุ่นหลายคนที่ไม่มีวิจารณญาณ และก็มีความเข้าใจที่ผิดๆด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแต่งตัวที่ทุกวันนี้ได้มีการแต่งตัวที่ไม่รักนวลสงวนตัวแต่อย่างใด ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามเลยก็ว่าได้ค่ะกับความเป็นไทย หรืออาจจะเป็นการแต่งหน้า การทำแบบผมที่มีความแปลกออกไปด้วย และความนิยมบางอย่างก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับวัยรุ่นด้วยค่ะ เพราะว่าวัยรุ่นบางคนก็ได้มีการนิยมในเรื่องของไอทีซึ่งมีราคาที่สูงมาก และนั่นก็ทำให้ได้กลายเป็นปัญหาเมื่อวัยรุ่นต้องการเงินที่จะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ก็อาจจะทำให้วัยรุ่นได้ทำในเรื่องที่ไม่ดีมากมายเลยก็ได้ค่ะ
ดังนั้นเราก็ควรที่จะมีการชี้แนะวัยรุ่นที่ใกล้ชิดด้วยให้มีจิตสำนึกที่ดี อีกทั้งยังต้องมีความรักในความเป็นไทยและปฏิบัติตามด้วยเช่นกันค่ะ
ขอขอบคุณบทความดีดีจาก ดินสอแดง


ที่มา  http://www.maxbuyin.com/2013/01/18/%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1/
ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก


กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อ
แสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการ
แสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...


ที่มา  http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_01474.php


สาเหตุการติดยาเสพติด

                                                     สาเหตุการติดยาเสพติด


. สาเหตุที่เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
          จำแนกตามการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท แบ่งเป็น ๔ ประเภท

          ๑. อยากทดลอง เกิดจากความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นนิสัยของคนโดยทั่วไป และโดยที่ไม่คิดว่าตนจะติดสิ่งเสพย์ติดนี้ได้
จึงไปทำการทดลองใช้สิ่งเสพย์ติดนั้น ในการทดลองใช้ครั้งแรกๆ อาจมีความรู้สึกดีหรือไม่ดีก็ตาม ถ้ายังไม่ติดสิ่งเสพย์ติดนั้น ก็อาจ
ประมาท  ไปทดลองใช้สิ่งเสพย์ติดนั้นอีก  จนใจที่สุดก็ติดสิ่งเสพย์ติดนั้น  หรือ  ถ้าไปทดลองใช้สิ่งเสพย์ติดบางชนิด  เช่น  เฮโรอีน
แม้จะเสพเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้ติดได้
          ๒. ความคึกคะนอง คนบางคนมีความคึกคะนอง ชอบพูดอวดเก่งเป็นนิสัย โดยเฉพาะวัยรุ่นมักจะมีนิสัยดังกล่าว คนพวกนี้อาจแสดงความเก่งกล้าของตน  ในกลุ่มเพื่อนโดยการแสดงการใช้สิ่งเสพย์ติดชนิดต่าง ๆ  เพราะเห็นแก่ความสนุกสนาน ตื่นเต้น และ
ให้เพื่อนฝูงยอมรับว่าตนเก่ง โดยมิได้คำนึง ถึงผลเสียหาย หรือ อันตรายที่จะเกิดขึ้นในภายหลังแต่อย่างไร ในที่สุดจนเองก็กลายเป็นคนติดสิ่งเสพย์ติดนั้น


          ๓. การชักชวนของคนอื่น  อาจเกิดจากการเชื่อตามคำชักชวนโฆษณา  ของผู้ขายสินค้าที่ เป็นสิ่งเสพย์ติดบางชนิด  เช่น
ยากระตุ้นประสาทต่างๆ ยาขยัน ยาม้า ยาบ้า เป็นต้น โดยผู้ขายโฆษณาสรรพคุณของสิ่งเสพย์ติดนั้นว่ามีคุณภาพดีสารพัดอย่างเช่น ทำให้มีกำลังวังชา  ทำให้มีจิตใจแจ่มใส  ทำให้มีสุขภาพดี  ทำให้มีสติปัญญาดี  สามารถรักษาโรคได้บางชนิด  เป็นต้น  ผู้ที่เชื่อคำ
ชักชวนโฆษณาดังกล่าวจึงไปซื้อตามคำชักชวนของเพื่อนฝูง ซึ่งโดยมากเป็นพวกที่ติดสิ่งเสพย์ติดนั้นอยู่แล้ว ด้วยความเกรงใจเพื่อน
หรือ เชื่อเพื่อน หรือต้องการแสดงว่าตัวเป็นพวกเดียวกับเพื่อน จึงใช้สิ่งเสพย์ติดนั้น
๒. สาเหตุที่เกิดจากการถูกหลอกลวง
          ปัจจุบันนี้มีผู้ขายสินค้าประเภทอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มบางรายใช้สิ่งเสพย์ติดผสมลงในสินค้าที่ขาย เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้านั้นไปรับประทานเกิดการติด อยากมาซื้อไปรับประทานอีก ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ซื้ออาหารนั้นมารับประทาน จะไม่รู้สึกว่าตนเองเกิดการติดสิ่งเสพย์ติดขึ้นแล้ว  รู้แต่เพียงว่าอยากรับประทานอาหาร  ขนม  หรือเครื่องดื่มที่ซื้อจากร้านนั้น ๆ   กว่าจะทราบก็ต่อเมื่อตนเองรู้สึกผิด
สังเกตต่อความต้องการ จะซื้ออาหารจากร้านนั้นมารับประทาน หรือต่อเมื่อ มีอาการเสพย์ติดรุนแรง และมีสุขภาพเสื่อมลง
๓. สาเหตุที่เกิดจากความเจ็บป่วย
          ๑. คนที่มีอาการเจ็บป่วยทางกายเกิดขึ้นเพราะสาเหตุต่าง ๆ  เช่นได้รับบาดเจ็บรุนแรง เป็นแผลเรื้อรัง มีความเจ็บปวดอยู่เป็นประจำ เป็นโรคประจำตัวบางอย่าง เป็นต้น ทำให้ได้รับทุกข์ทรมานมาก หรือ  เป็นประจำ จึงพยายามแสวงหาวิธีที่จะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นซึ่งวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายคือ การรับประทานยาที่มีฤทธิ์ระงับอาการเจ็บปวดนั้นได้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการรักษาที่เป็นต้นเหตุของความเจ็บป่วย เพียงแต่ระงับอาการเจ็บปวดให้หมดไปหรือลดน้อยลงได้ชั่วขณะ เมื่อฤทธิ์ยาหมดไปก็จะกลับเจ็บปวดใหม่ ผู้ป่วยก็จะใช้ยานั้นอีก เมื่อทำเช่นนี้ไปนานๆ เกิดอาการติดยานั้นขึ้น
          ๒. ผู้ที่มีจิตใจไม่เป็นปกติ เช่น  มีความวิตก  กังวล เครียด มีความผิดหวังในชีวิต มีความเศร้าสลดเสียใจ เป็นต้น ทำให้สภาวะจิตใจไม่เป็นปกติจนเกิดการป่วยทางจิตขึ้น จึงพยายามหายาหรือสิ่งเสพย์ติดที่มีฤทธิ์สามารถคลายความเครียดจากทางจิตได้ชั่วขณะหนึ่งมารับประทาน แต่ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุเมื่อยาหมดฤทธิ์  จิตใจก็จะกลับเครียดอีก  และ ผู้ป่วยก็จะเสพสิ่งเสพย์ติด ถ้าทำเช่นนี้
ไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้ผู้นั้นติดยาเสพย์ติดในที่สุด
          ๓. การไปซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ทราบสรรพคุณยาที่แท้จริงขนาดยาที่ควรรับประทาน การรับประทานยาเกินจำนวนกว่าที่แพทย์ได้สั่งไว้ การรับประทานยาบางชนิดมากเกินขนาด หรือรับประทานติดต่อกันนานๆ บางครั้งอาจมีอาการถึงตายได้ หรือบางครั้งทำให้เกิดการเสพติดยานั้นได้
๔.สาเหตุอื่นๆ
          การอยู่ใกล้แหล่งขายหรือใกล้แหล่งผลิต หรือ เป็นผู้ขายหรือผู้ผลิตเอง จึงทำให้มีโอกาสติดสิ่งเสพย์ติดให้โทษนั้นมากกว่าคนทั่วไป
          เมื่อมีเพื่อนสนิทหรือพี่น้องที่ติดสิ่งเสพย์ติดอยู่ ผู้นั้นย่อมได้เห็นวิธีการเสพ ของผู้ที่อยู่ใกล้ชิด รวทั้งใจเห็นพฤติกรรมต่างๆ ของเขาด้วย และยังอาจได้รับคำแนะนำหรือชักชวนจากผู้เสพด้วย จึงมีโอกาสติดได้
          . คนบางคนอยู่ในสภาพที่มีปัญหา เช่น ว่างงาน ยากจน ค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยมีรายได้ลดลง หรือคงที่ มีหนี้สินมาก ฯลฯ เมื่อแก้ปัญหาต่าง   เหล่านี้ไม่ได้ก็หันไปใช้สิ่งเสพย์ติด  ช่วยผ่อนคลายความรู้สึก  ในความทุกข์ยากต่างเหล่านี้ แม้จะรู้ว่าเป็นชั่วครู่ชั่วยาม
ก็ตาม  เช่น  กลุ้มใจที่เป็นหนี้คนอื่นก็ไปกินเหล้า หรือ สูบกัญชาให้เมาเพื่อที่จะได้ลืมเรื่องหนี้สิน บางคนต้องการรายได้เพิ่มขึ้น  โดยพยายามทำงานให้หนัก และ มากขึ้นทั้ง ๆ ที่ร่างกายอ่อนเพลียมากจึงรับประทานยากระตุ้นประสาทเพื่อให้สามารถทำงานต่อไปได้ เป็นต้น ถ้าทำอยู่เป็นประจำทำให้ติดสิ่งเสพย์ติดนั้นได้
          ๒.การเลียนแบบ การที่ไปเห็นผู้ที่ตนสนิทสนมรักใคร่เหรือเพื่อน จึงเห็นว่าเป็นสิ่งน่าลอง เป็นสิ่งโก้เก๋ เป็นสิ่งแสดงความเป็นพวกเดียวกัน จึงไปทดลองใช้สิ่งเสพย์ติดนั้นจนติด
          ๓. คนบางคนมีความผิดหวังในชีวิตตนเอง ผิดหวังในชีวิตครอบครัว หรือผิดหวังในชีวิตสังคม เพื่อเป็นการประชดตนเองหรือคนอื่น จึงไปใช้สิ่งเสพย์ติดจนติด ทั้งๆ ที่ทราบว่าเป็นสิ่งไม่ดี ก็ตาม


ที่มา   http://www.chetupon.ac.th/Yasebtid/Pages/CauseDrug1.html
อาหารประจําชาติอาเซียน 10 ประเทศ  ปี 2015 อาเซียนจะรวมเป็นหนึ่งเดียว เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับของกิน ของแต่ละประเทศเพื่อนบ้านของเราใน อาเซียนกันครับ เริ่มที่ประเทศไทยของเราก่อนเลย


คำค้นที่เกี่ยวข้อง : ความหมายของอาเซียน, อาหารอาเซียน10ประเทศ, อาหารประจําชาติอาเซียน, ประชาคมอาเซียนคืออะไร


ประเทศไทย (Thailand) : ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)




พม่า (Myanmar) : หล่าเพ็ด (Lahpet)




สิงคโปร์ (Singapore) : ลักสา (Laksa) เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (ใส่กะทิ)





ฟิลิปปินส์ (Philippines) : อโดโบ้ (Adobo)



เวียดนาม (Vietnam) : Nem หรือ เปาะเปี๊ยะเวียดนาม





มาเลเซีย (Malaysia) : นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak)





ลาว (Loas) : ซุบไก่ (Chicken Soup) 





อินโดนีเซีย (Indonesia) : กาโด กาโด (Gado Gado)





กัมพูชา (Cambodia) : อาม็อก (Amok)





บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : อัมบูยัต (Ambuyat)



ที่มา  http://www.aseantalk.com/index.php?topic=23.0



ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว


วัสดีค่าน้องๆ ชาว Dek-D.com ปิดเทอมแบบนี้ได้อ้อนคุณพ่อคุณแม่ให้พาไปเที่ยวไหนบ้างรึป่าวเอ่ย?  ส่วนพี่มิ้นท์เองไม่มีปิดเทอมแบบน้องๆ ก็เลยต้องทำงานต่อไป (T^T) ถ้าพูดถึงการออกเดินทางไปเที่ยว เชื่อว่าหลายคนเริ่มหันมาใช้ระบบขนส่งทางอากาศ หรือ เครื่องบินมากขึ้น เพราะความปลอดภัยสูงและเดี๋ยวนี้แค่เดินทางในประเทศ ก็มีสายการบินให้บริการในราคาถูกเพียบ ดีไม่ดีช่วงโปรโมชั่นกระหน่ำๆ ราคาตั๋วเกือบพอๆ กับรถไฟหรือรถทัวร์เลยล่ะ
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว

            เมื่อคนเริ่มเดินทางด้วยเครื่องบินเยอะ ทำให้ความต้องการเดินทางสูงมากขึ้น ก็เป็นเรื่องปกติที่ทางสายการบินจะพัฒนาทั้งระบบและการจัดการต่างๆ ซึ่งเมื่อปลายเดือนที่แล้ว พี่มิ้นท์ ก็ได้ติดตามข่าวแล้วก็ได้รู้ว่าการบินไทยได้รับมอบเครื่องบินแอร์บัส ลำใหม่ ใหญกว่าเดิม(มาก) รุ่น A380-800 เป็นที่เรียบร้อยหลังจากเฝ้ารอมานาน เพื่อชดเชยโบอิ้ง 747 ที่กำลังจะปลดระวาง ส่วนจะใหญ่ขนาดไหน ก็บอกได้คำเดียวว่า ใหญ่ที่สุดในโลก ก็แล้วกันค่ะ
            เครื่องบินแอร์บัส A380-800 เป็นเครื่องบินที่ผลิตโดย Airbus S.A.S เป็นบริษัทของประเทศฝรั่งเศสค่ะ และถือเป็นคู่แข่งสำคัญของผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันอย่างโบอิ้งเลยทีเดียว ซึ่งปัจจุบันหลายๆ สายการบินให้ความสนใจมากๆ เห็นได้จากยอดการสั่งผลิตจาก 19 สายการบิน รวม 253 ลำ ลูกค้ารายใหญ่ที่สุดก็เห็นจะเป็น สายการบินเอมิเรตส์ ที่มียอดสั่งซื้อถึง 90 ลำ ในขณะที่สายการบินไทยจากประเทศไทยได้สั่งทั้งหมด 6 ลำ และเพิ่งมาถึงไทยลำแรกเมื่อวันที่ 29 กันยายนนี้เอง โดยได้รับชื่อพระราชทานว่า "ศรีรัตนะ" ส่วนลำอื่นๆ ก็จะทยอยมาภายในสิ้นปีนี้ - สิ้นปีหน้า
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว

            ความอลังการของเจ้านกยักษ์ลำนี้มีขนาดใหญ่เทียบเท่าตึก 7 ชั้น หากน้องๆ ไปยืนก็คงกลายเป็นมดไปเลยค่ะ ความเร็วปกติของลำนี้อยู่ที่ประมาณ 902 กม./ชม. โดยมีความเร็วสูงสุดประมาณ 945 กม./ชม. ภายในนี้ก็แบ่งเป็น 2 ชั้น ออกแบบไว้อย่างหรูหราสวยงามมาก ปกติเครื่องบินแอร์บัสจะรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 853 ที่นั่ง แต่การบินไทยได้กำหนดที่นั่งเพียง 507 ที่นั่งเพื่อความสบาย แถมยังเป็นเครื่องบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการควบคุมมลพิษทางเสียง และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อย หลายคนคงอยากรู้แล้วว่าที่นั่งจะพิเศษยังไงบ้าง ลองไปดูกันค่ะ
               1) ที่นั่งรอยัล เฟิร์ส คลาส หรือผู้โดยสารชั้น1 ที่ค่าตั๋วแพงมากกกก ในเครื่องบินลำนี้จะมี 12 ที่นั่ง โดยที่นั่งจะสามารถปรับเอนราบได้ 180 องศา มีทีวีแบบระบบสัมผัส 23 นิ้ว รวมถึง Wi-Fi ห้องน้ำขนาดใหญ่ รอยัล เฟิร์ส คลาส เลานจ์สำหรับพักผ่อน และ รอยัล เฟิร์ส คลาส บาร์สำหรับบริการเครื่องดื่มและของว่าง
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว
               2) ที่นั่งรอยัล ซิลค์ คลาส หรือที่นั่งชั้นธุรกิจมี 60 ที่นี่ง ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายเช่นเดียวกัน มีทีวีระบบสัมผัส 15 นิ้วและ Wi-Fi รวมถึงรอยัลเฟิร์ส คลาส บาร์เหมือนชั้น 1
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว
               3) ที่นั่งชั้นประหยัด มีจำนวน 435 ที่นั่งอยู่ชั้นล่าง มีทีวีระบบสัมผัส 10.6 นิ้วทุกที่นั่ง
เด็กดีดอทคอม :: ว้าว!! ประเทศไทยมีเครื่องบินที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก" แล้ว

               สำหรับเส้นทางการบินเที่ยวแรกได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมาจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกง และกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์ แต่ถ้าได้รับมอบลำอื่นๆ แล้ว ก็จะเพิ่มเส้นทางอื่นอีก เช่น ไปกลับกรุงเทพฯ-แฟรงก์เฟิร์ต, ไปกลับกรุงเทพฯ-นาริตะ, ไปกลับกรุงเทพฯ-ปารีส เป็นต้น


              โอ้โห.. เป็นเครื่องบินที่ยิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ ถ้าใครมีแพลนจะไปเที่ยวฮ่องกงช่วงนี้แล้วได้นั่ง A 380-800  มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังบ้างนะคะ ส่วนในอนาคตจะมีการผลิตลำใหญ่กว่านี้อีกรึเปล่าต้องรอติดตามกันต่อไป(ยังจะใหญ่กว่านี้อีกเหรอ แค่นี้บางสนามบินก็ไม่มีที่ให้จอดแล้วนะ!!)

ที่มา   http://www.dek-d.com/content/education/30035/
๐๐ น้องซูริ ครูซ เด็กที่น่ารักที่สุดในฮอลลีวูด ๐๐

    Suri Cruise ลูกสาวสุดน่ารักของดาราฮอลลีวูดชื่อดัง
                                     Katie Holmes และ Tom Cruise

          
               ปัจจุบันนี้ น้องซูริ 3 ขวบกว่าๆแล้วค่ะ น่ารักเชียว จขกท มีภาพมาให้ทุกคนชื่นชมกับความน่ารักของน้องกันค่ะ

..
..
..
1 โดน ปาปาราซซี่แอบถ่าย อายจัง 
                                                               


2  หม่ามี้ขา ลมแรงจัง




3 นางแบบมาเอง




4 แดดดี้ว่า พี่ๆเค้าจะชอบหนูมั๊ยคะ




5 ลูกเรานี่เล่นอะไรแปลกๆเนอะ




6 หม่ามี๊ขา อย่าเพิ่ง หนูยังกินไม่หมดเลย




7  คุณพี่กินอะไรคะ กินเหมือนหนูรึเปล่า




8 กินเสร็จแล้วต้องวิ่งออกกำลังกายนะคะ หุ่นจะได้สวยเหมือนหม่ามี๊




9  เล่นวิ่งไล่จับกับแดดดี๊ก็ได้นะคะ




10 ว๊าย หนีแดดดี๊ดีกว่า




ที่มา  http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1507236

แปลก!!! กระเทยกลับใจกลายเป็นชาย ทอมกลับใจกลายเป็นหญิง




แปลก!!! กระเทยกลับใจกลายเป็นชาย ทอมกลับใจกลายเป็นหญิง

กะเทยเป็นชาย
คุณ สมจิต ดวนขันธ์ สาวประเภทสองกลับใจกลายเป็นชาย
รวมเรื่องแปลก!! กะเทยกลับใจเป็นชาย ทอมกลับกลายเป็นหญิง
MThainews: รายการตีสิบ ออกอากาศคืนวันอังคารที่ 5 ก.พ.นำเสนอเรื่องราวของกรณีที่มีผู้เบี่ยงเบนทางเพศ แล้วกลับกลายเป็นเพศเดิมในกรณีต่างๆ โดยมีการสัมภาษณ์ติดตามผลว่า พวกเขาเหล่านั้นยังคงมีพฤติกรรมที่เป็นเพศเดิมตามสรีระหรือไม่



บิวกะเทยเป็นชาย
น้องบิว ฤทธิเดช ภูบาลชื่น หรือกะเทยบิวตี้ ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซต์ล้ม สลบไปประมาณ20 วัน แต่ฟื้นกลับมาอีกทีกลายเป็นชายเหมือนเดิม ทั้งยังจำไม่ได้ว่าเคยเป็นกะเทยมาก่อน ซึ่งหลังจากที่ออกอากาศไป บิวเล่าว่า มีคนที่ดูอยู่ในเพชรบูรณ์ ขับรถมายังบ้านตนที่บุรีรัมย์ เล่าว่าลูกของเขาเสียชีวิตในวันเดียวกัน แล้วคาดว่าวิญญาณลูกจะมาสิงร่างตน แต่ตนก็ยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน ปัจจุบันมีผู้หญิงมาจีบ แต่พอมารู้ว่าเคยเป็นกะเทยเขาก็หายไป


กะเทยเป็นชายกะเทยเป็นชาย
ขณะที่คุณ สมจิต ดวนขันธ์ สาวประเภทสองที่แต่งหญิงมาตลอดชีวิต มีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด แต่เมื่อได้มีอะไรกับหญิงก็เกิดติดใจ กลับกลายเป็นชายจนถึงปัจจุบัน โดยก่อนหน้านี้เขาเล่าว่า แต่งหญิงมาตั้งแต่จำความได้ รูปร่างสวยจนคิดจะประกวดมิสทิฟฟานี่ แต่เมื่อมีความรู้สึกพลิกผันกับหญิง ก็กลายเป็นชายจนถึงทุกวันนี้ หลังจากออกรายการก็มีผู้หญิงเขียนจดหมายมา ติดต่อกัน แต่ก็บอกเขาไปว่า เราก็คุยกับผู้หญิงอีกคน ไม่อยากให้เขาเสียใจ


ทอมกลายเป็นชาย

ส่วนคุณเปิ้ล ผู้ที่เคยเป็นทอม มีแฟนเป็นผู้หญิงมากมาย เมื่อเกิดอุบัติเหตุ มอเตอร์ไซต์ล้ม หัวกระแทก เมื่อตื่นขึ้นมาวันรุ่งขึ้นกลายเป็นหญิงทันที รู้ว่าตนเองเคยเป็นทอมแต่ว่ากลับไม่ชอบ มีความรู้สึกเป็นหญิง และปัจจุบันกลับชอบผู้ชาย มีทั้งผู้หญิง ผู้ชาย รวมทั้งทอมมาจีบ ซึ่งการรับประทานอาหารก็เปลี่ยนไปคือ เมื่อก่อนจะทานจืดแต่ปัจจุบันทานเผ็ด ตรงข้ามกับกรณีของบิว ที่เมื่อก่อนทานเผ็ดปัจจุบันทานจื
นับเป็นกรณีที่น่าสนใจ และเป็นเรื่องที่หายาก โดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล กล่าวว่า  เพศมันมีอยู่สองอย่างคือ เพศทางกายและเพศทางใจ ซึ่งเพศทางกายดูจากอวัยวะเพศ ส่วนเพศทางใจเป็นที่จิตใจ อยู่ที่สมองของเรา กระบวนการทำงานในเนื้อสมองข้างใน
 เชื่อว่าการเบี่ยงเบนทางเพศไม่ใช่พฤติกรรมเลียนแบบ ไม่ใช่เพราะการเลี้ยงดู แต่เป็นเพราะสมอง จิตใจควบคุมเขามากกว่า เช่น จะเห็นว่าพวกเขาจะรู้ตัวมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดถึงสาเหตุการเบี่ยงเบนทางเพศ ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ที่กำหนดเพศทางใจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ อาจมีอะไรบางอย่างไปกระทบกระเทือนกับสมอง

ที่มา  http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2678688

เล่าชีวิตเด็กไทยในมหา'ลัยศิลปะเกาหลี ทั้งสวยทั้งเก่ง!!






                              สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori 
                              คอลัมน์เดียวที่จะทำให้น้องๆ 
รู้จักประเทศเกาหลีใต้มากขึ้นทุกๆ
                              วันพุธเช่นเคย! วันนี้ก็เป็นตอนที่ 23 แล้ววว โอ้วววไวมาก 
(มีใคร
                              อ่านทุกตอนไม่เคยพลาดมั้ย? อิอิ)

                              สำหรับเรื่องราวของ KoreanKori ในตอนนี้ ขอบอกก่อนเลยว่า
                             ไม่เหมือนตอนอื่นที่ผ่านมาค่ะ! 
เพราะตอนนี้ พี่เป้ มีเรื่องราวประสบ-
                              การณ์ของนักเรียนไทยที่ได้ทุนไปเรียนต่อที่เกาหลีมาฝาก 
โดย
                              มหาวิทยาลัยที่เธอคนนี้ได้ไปเรียน ไม่ใช่มหาวิทยาลัยธรรมดานะคะ
                              แต่เป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะ
ด้านศิลปะ ใครไม่อาร์ตจริง เรียนไม่ได้นะ!
                              และที่สำคัญ เธอยังน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยล่ะค่ะ >//< 
เอาเป็นว่า
                              ถ้าอยากทำความรู้จักกับเจ้าของเรื่องประสบการณ์สนุกๆ ของ
                              KoreanKori ตอนที่ 23 
ก็เลื่อนไปอ่านได้เลยจ้า






     
       สวัสดีค่ะ ชื่อ "ซายน์-ลักขณา ทองสยาม" อายุ 21 ปี กำลังศึกษาปริญญาตรีอยู่ที่ Korea
       National University of Arts (KNUA)
 สาขา School of Film, TV and Multimedia
       ผ่านทุน Art Major Asian Scholarship หรือ AMA ปี 2012 โดยรุ่นซายน์เป็นเด็กทุน
       AMA 8th จ้า วันนี้ซายน์จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตกับการเป็นเด็กทุนตัวเล็กๆ (เน้นตัวเล็กๆ 555)
       ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่มาเรียนอยู่ที่เกาหลีค่ะ ใครกำลังสนใจไปเรียนมหาวิทยาลัยทางด้าน
       ศิลปะ ดนตรี และการแสดงไม่ควรพลาด! อิอิ

       

       ซายน์รู้จักทุนนี้โดยมีอาจารย์ที่สอนภาษาเกาหลีท่านแนะนำมาค่ะว่า ถ้าสนใจไปเรียนเกี่ยวกับ
       นิเทศศาสตร์ที่เกาหลี ลองส่งทุน AMA นี้ดูมั้ย เพราะว่าเป็นทุน 100% ทางทุนจะออกค่า
       ใช้จ่ายให้ทั้งหมด รวมทั้งตั๋วเครื่องบินด้วย และมีเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้ทุกเดือนด้วยค่ะ

       หลังจากนั้นพอมาคิดๆ แล้วซายน์ก็เลยเกิดความสนใจ เพราะซายน์สนใจทั้งเรียนภาษาเกาหลี
       แล้วก็สาขานิเทศอยู่แล้วเลยคิดว่า เอาวะ!! ลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหายอะไร ถือว่าเป็นประสบ
       การณ์ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าส่งโอกาสก็คือ 50-50 แต่ถ้ายอมแพ้ไม่ยอมลองแม้แต่จะส่งทุน
       โอกาสมันก็เป็นศูนย์จริงมั้ยคะ? 
ในเมื่อทุกคนมีโอกาสส่งทุนเหมือนกัน เราก็ลองดู!! 5555
       ฮึ้ดมากค่ะตอนนั้น ให้กำลังใจตัวเองก่อน สุดท้ายก็ลองส่งค่ะ
 


 

 สำหรับเอกสารส่งทุนทุกส่วนล้วนมี
 ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าการ
 พิจารณาทุนปีที่ซายน์สมัครนั้น ทาง
 มหาวิทยาลัยไม่ได้มีการสัมภาษณ์ผู้
 สมัครทุน แต่เกิดจากการคัดเลือกผู้
 สมัครผ่านเอกสารที่ผู้สมัครส่งไป
 เท่านั้น ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับ
 เอกสารที่แสดงความเป็นตัวเราให้ได้
 มากที่สุดค่ะ

 เอกสารที่ซายน์ส่งไปหลักๆ ก็เป็นสิ่งที่
 เน้นตัวเราและผลงานก็พวก Personal
 Statement, Study Plan และ
 Portfolio ค่ะ


 Personal statement ซายน์เน้นเขียน
 ให้ทางมหาวิทยาลัยสามารถรู้จักตัวเรา
 ภายในกระดาษไม่กี่แผ่นให้ได้ค่ะ ส่วนนี้
 ซายน์เลยเขียนเล่าเรื่องตัวซายน์เองสั้น
 ๆ พร้อมกับเขียนเล่าประสบการณ์ ความ
 รู้ ความสนใจ แรงบันดาลใจที่ผ่านมาที่
 เกี่ยวกับคณะและสาขาที่สมัครไปค่ะ
 เขียนเรื่องความสนใจที่จะไปเรียนที่
 เกาหลี 
ซึ่งที่นั่นก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงใน
 ด้านศิลปะ การผลิตสื่อ entertainment
 พวกนี้

 และโชคดีอีกอย่างคือตอนนั้นซายน์
 เรียนเอกเกาหลีอยู่ที่บูรพาอยู่แล้ว ก็
 เขียนให้มีความสอดคล้องกับการได้ไป
 เรียนที่เกาหลี ที่ซายน์จะได้ทั้งภาษา
 และได้อยู่ในสังคมที่เราจะได้ใช้ภาษา
 นั้นจริงๆ ได้เรียนรู้กับเจ้าของภาษา อีก
 ทั้งซายน์ก็ยังจะได้เรียนในสาขาวิชา
 และมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนเฉพาะทาง
 ด้านศิลปะโดยตรงอย่าง K-Arts
 (Korea National University of Arts)
 ด้วยค่ะ

   
       Study plan ซายน์เข้าไปดูวิชาสาขาในเว็บของทางมหาวิทยาลัยค่ะ ซายน์เลยได้รู้ราย
       ละเอียดในวิชาที่เราต้องเรียนอย่างคร่าวๆ ซึ่งจะช่วยให้รู้ว่าเราสนใจที่จะเรียนในสาขาวิชานี้
       จริงๆ ทำให้เราได้แนวทางในการวางแผนการเรียนว่าทำอย่างไรที่จะทำให้เราสามารถประสบ
       ความสำเร็จในเป้าหมายที่วางไว้ได้ และนำความรู้ที่เราได้มาจากสาขาที่เราเรียน กลับมาใช้
       ให้เกิดประโยชน์อย่างไรได้บ้าง กับใครได้บ้างในสังคม ? ในส่วนไหน? ด้านไหน? อย่างไร?
       ประมาณนี้ค่ะ
     
       Portfolio ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากๆ ค่ะ สำหรับการเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยศิลปะใน
       ทุกที่ เพราะกรรมการผู้คัดเลือกจะสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนจากจุดนี้ว่าเรามีพื้นฐานความรู้
       ความสนใจในสาขามากน้อยแค่ไหนผ่านตัวผลงานที่ส่งไปค่ะ โดยสำหรับซายน์เองเน้นนำ
       เสนอผลงานของซายน์ที่ผ่านมาโดยผลงานที่ส่งมีความเกี่ยวข้องกับสาขาที่ซายน์เลือกค่ะ
       อย่างผลงานที่ซายน์ส่งไปก็มีทั้งตัวที่เป็นเอกสารและ VDO ค่ะ

       หลังจากที่ส่งเอกสารทุนไปมหาลัยเรียบร้อยระหว่างนั้นก็เรียนที่ม.บูรพา สาขาวิชาเอกเกาหลี
       ค่ะ รอประกาศผลหลายเดือนมากจนซายน์ลืมไปเลยว่าส่งทุนไป 555 มาถึงวันที่ประกาศผล
       น้องสาวโทรมาบอกว่าได้ทุน AMA แล้วนะ ที่บ้านดีใจมากๆ หลังจากนั้นก็รีบไปเช็คผลทาง
       อินเตอร์เนต สรุปว่า ได้รับอีเมล์ตอบรับว่าเราได้รับทุนค่ะ ตอนนั้นรู้สึกมันเหมือนความฝัน
       นาทีนั้นมันเหมือนกับว่าโลกหยุดหมุน 
นํ้าตาไหลดีใจจนพูดไม่ออก ประหนึ่งนางงามได้มงกุฎ
       เพชร จินตนาการเรากำลังเอามือกุมปากถึงความเหลือเชื่อ 55555 เวอร์ไปนั่น ฮ่าาาา
       จากนั้นก็เตรียมตัว เตรียมเอกสารทำวีซ่าเพื่อเดินทางไปเกาหลีเดือน พ.ย. ค่ะ (ป.ล.ถ้าได้
       ทุนนี้จะได้เชื้อสายจีนด้วยนะคะ 555 เพราะอะไรเอ่ย? เพราะนักเรียนทุนจะเรียกแทน
       ตัวเองและทุนว่า”อาม่า”ที่มีจากการอ่านจากอักษรย่อ AMA ค่ะ ดังนั้นคนที่ได้รับ
       ทุนพวกลื๊อก็จาล่ายเปงหลานอาม่า 5555+)



            

       

       ซายน์เดินทางมาถึงเกาหลีช่วงปลายเดือน พ.ย. ค่ะ หลังจากนั้นก็ต้องเริ่มเรียนเข้าคอร์สเพื่อ
       ปรับภาษาเกาหลีค่ะ ในปีที่ซายน์ได้มาคือ AMA รุ่นที่ 8 กำหนดให้เรียนภาษาที่สถาบันภาษา
       ของมหาวิทยาลัยและพักอยู่หอนอกที่ทางทุนจัดไว้ให้ค่ะ และมหาวิทยาลัยที่ได้เรียนภาษาคือ
       มหาวิทยาลัยคยองฮี (Kyunghee University)
 ค่ะ ซายน์ต้องขอบอกว่า มหาลัยเค้าสวยมากๆ
       จริงๆ ค่ะ ประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มาเลย อิอิ ส่วนการเรียนภาษาจะต้องมีการสอบวัด
       ระดับว่าอยู่ระดับไหนก่อนแล้วก็จะถูกย้ายแบ่งไปเรียนกันแยกห้องตามระดับค่ะ เพื่อที่ทุกคน
       จะได้ไม่มารวมกลุ่มรู้จักกันเฉพาะเด็กทุนเท่านั้น คือเราต้องเรียนร่วมกันกับเพื่อนต่างชาติ
       คนอื่นๆ ค่ะ 

       ระดับภาษาจะแบ่งใหญ่ๆ เป็น 3 ระดับค่ะ พื้นฐาน ขั้นกลาง ขั้นสูง ของซายน์สอบได้ขั้นกลาง
       ก็ได้เรียนกับเพื่อนต่างชาติ 4 ประเทศค่ะ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสแล้วก็ตุรกี ช่วง 3 เดือนที่เรียน
       ภาษามีความสุขมากค่ะ เพื่อนๆ อาจารย์น่ารักมากๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยค่ะ
       หลังเลิกเรียนก็ไปลั้ลลา แฮงเอาท์กับเพื่อนๆ ต่างชาติ ยิ่งช่วงที่ได้ไปเป็นหน้าหนาวปลายปี
       สินค้าลดกระหนํ่า Winter Sale จัดหนัก ช็อปกระจาย!! อันนั้นก็น่ารัก อันนี้ก็สวย เอ๊ะ แต่
       อันนั้นก็ดี เพราะแบบนี้เลยต้องได้จ่ายกันทุกวันค่ะ ช่วงนั้นถือว่าช่วงขาขึ้นชีวิตแฮปปี้ดี๊ด๊าสุดๆ
       ไปเลยค่ะ วู้วววว ~ พอช่วงใกล้เปิดเทอมก็ย้ายหอเพื่อเข้าไปอยู่หอพักของมหาลัย KNUA
       หอพักเป็นหอพักรวมนะคะ มีทั้งหมด 4 ชั้นค่ะ ภายในหอทุกชั้นจะมีครัวรวมสามารถทำ
       อาหารได้ค่ะ ส่วนชั้นใต้ดินก็จะมีห้องฟิตเนส ห้องซักรีด ห้องคอม ห้องอ่านหนังสือค่ะ



                                                 
                                                            วันเปิดเทอมวันแรกซายน์ตื่นเต้นสุดๆ ค่ะ ทั้งตื่นเต้น ทั้ง
                                                            กังวล ต่างๆ นานา วันที่เข้าไปห้องประชุมวันนั้นจำได้ดี
                                                            เลยค่ะ วันนั้นรวมกันทั้งเอกตั้งแต่ปี 1-4 อาจารย์มากัน
                                                            หมดเลยค่ะ คนเยอะมากๆ ไปถึงก็ฟังบรรยาย สุดท้าย
                                                            เวลานั้นก็มาถึงค่ะ ต้องแนะนำตัวทีละคน แบบตื่นเต้น
                                                            มากกกกก ตึ่กๆๆๆ มาถึงซายน์ก็รีบพูดแนะนำตัวตาม
                                                            แบบฟอร์มเพื่อนเลียนแบบไม่ยาก 555 เพราะแทบจะ
                                                            เป็นคนสุดท้ายที่พูด พอผ่านไป คิดว่า เฮ้อออ... รอดแล้ว
                                                            เรา ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เพราะพออาจารย์บอกว่าโอเค
                                                            เข้าไปนั่งที่ได้ๆ แต่!! o_O นักเรียนต่างชาติอยู่ก่อน
                                                            (._.") ในใจแบบว่า... เอ่ออ อยู่ไมคะ ?? พูดไปแล้วนะ
                                                            ฮ่าๆๆ เค้าบอกว่าต้องพูดอีก ตอนนั้นคิดว่าเอาแล้วไง
                                                            จะพูดไรล่ะทีนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเลย 


                                                            พอไปยืนหน้าห้อง รุ่นพี่ตะโกนมาว่า "เยปอๆ" (สวยๆๆ)
                                                            ทำลายสมาธิมาก ขำอย่างเดียวทำไรไม่ถูก นึกในใจพวก
                                                            พี่ๆ คงมองซายน์ไม่ชัดนะคะ 5555 


       เท่าที่จำได้บอกไปแต่ว่า "เอ่ออ 555+ สวัสดีค่ะ เป็นนักเรียนทุน AMA รุ่นที่ 8 ค่ะ มาเรียนที่
       เกาหลีเป็นครั้งแรก พูดภาษาเกาหลีไม่เก่ง แต่ก็จะพยายามเรียนให้มากกว่านี้"
 แล้วก็มีเสียง
       ปรบมือ แปะๆๆๆ เป็นกำลังใจ 555 หลังจากกลับมาวันนั้นคิดว่าเราต้องเตรียมตัวเรื่องภาษาให้
       มากขึ้นนนนนน fighting ฮุเร่!!~~

      

       วิชาที่ซายน์เรียนในช่วงปีหนึ่งก็จะเรียนเกี่ยวกับวิชาพื้นฐานนิเทศศาสตร์ การตัดต่อพื้นฐาน
       การจัดแสง การถ่ายทำพื้นฐาน 
ส่วนมากในเวลาเรียนจะเป็นการสอนเพื่อให้นักเรียนเข้าใจใน
       บทเรียน แล้วให้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นภายในห้องค่ะ เวลาทำงานส่วนมากก็จะเป็น
       การทำงานเป็นกลุ่มพวกงาน Workshop ที่เน้นการปฏิบัติ เพราะสุดท้ายจุดประสงค์ของเค้าก็
       คือต้องการให้เราทำงานเป็น ได้เรียนรู้และแก้ไขปัญหาจากประสบการณ์จริง

       เรื่องของการเรียนการสอนนั้น ในแต่ละสาขาวิชาเอกจะเน้นทฤษฎีหรือปฏิบัติซึ่งอาจจะมี
       แตกต่างกันบ้าง อย่างสาขาที่ซายน์เรียนในเทอมแรกวิชาที่เรียนนั้น จะเป็นการเข้าฟังบรรยาย
       ทฤษฎีร่วมกับสาขาอื่นๆ ในคณะ เช่น วิชา Field Study อันนี้จะเป็นบรรยายในห้องประชุม
       แต่ก็มีวิชาบรรยายเฉพาะสาขาเอกวิชาอย่างวิชา Mass Communication and Society,
       Basic Cinematography for TV เป็นต้นค่ะ
 ส่วนบรรยากาศการเรียนในชั้นเรียนที่เกาหลีนั้น
       แตกต่างจากการเรียนที่ไทยอยู่ค่อนข้างมากค่ะ อย่างแรกคือจำนวนนักเรียนในชั้นเรียนต่อ
       หนึ่งห้อง อย่างในห้องซายน์มีนักเรียนทั้งหมดเพียง 22 คน ถือว่านักเรียนต่อห้องมีไม่มากค่ะ
       ทางมหาลัยคิดว่าการสอนให้มีประสิทธิภาพนั้นไม่ควรมีจำนวนนักเรียนมากจนเกินไป เพื่อ
       ให้เข้าถึงนักเรียนและสอนได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ





      

      เข้าสู่โหมดดราม่าเล็กน้อย ฮ่าๆ ก่อนอื่นยอมรับเลยค่ะว่าคนเกาหลีเรียนหนักจริงๆ สิ่งที่ตาม
      มาคือ นักเรียนทุนต้องขยันมากกว่าคนเกาหลีมากๆ เพราะปัญหาภาษาที่อาจทำให้ไม่เข้าใจ
      ภายในห้องเรียน บางคนคิดว่าการสื่อสารในชีวิตประจำวันนั้นเพียงพอแล้ว ซายน์บอกได้เลย
      ค่ะว่า คุณคิดผิด เพราะว่ามันไม่เพียงพอต่อการเรียนในชั้นเรียนที่เรียนเป็นภาษาเกาหลี
      ทั้งหมดได้ 
ต้องกลับมาทบทวนบทเรียน ซึ่งบางทีบอกตามตรงค่ะว่าไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเลย
      เพราะถ้าการบ้านต้องทำ หนังสือต้องอ่าน ก็ต้องแบ่งเวลามากๆ จนบางทีคิดอยากให้วันนึงมี
      สัก 48 ช.ม.จะได้จัดสรรเวลาทำทุกอย่างให้มันออกมาดีและทันเวลา 
      
     


 ช่วงเวลาที่หนักมากกว่าใครเพื่อนคือช่วง
 สอบค่ะ เพราะเราเรียนแทบไม่รู้เรื่องเลย

 ทำให้เวลาที่ต้องทบทวนบทเรียนหลังเรียน
 และก่อนสอบนั้นหนักกว่าใครเพื่อนเลยค่ะ
 หนังสือทั้งหมดเอามาแปลแล้วแปลอีก
 บางทีต้องหาอ่านทั้งสามภาษาเลยค่ะ
 เกาหลี อังกฤษ ไทย เพราะศัพท์เกาหลีที่
 เป็นศัพท์เฉพาะก็มีเยอะแล้วก็เป็นคำที่ต้อง
 รู้ด้วย ภาษาอังกฤษก็ต้องอ่านด้วย เพราะ
 หากมีการบ้านบางวิชาก็สามารถขอทำเป็น
 ภาษาอังกฤษได้ค่ะ

 อีกอย่างที่เป็นตัวช่วยในการทำให้เรา
 เข้าใจมากที่สุดคือการ search หาข้อมูล
 เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิชาเป็นภาษาไทยค่ะ คือ
 เราต้องเข้าใจเรื่องที่เราเรียนเป็นภาษาของ
 เราก่อน แล้วภาษาอื่นค่อยว่ากันค่ะ 555
 ตอนทำข้อสอบไม่ออกนอกทะเล 5555

 ดังนั้นช่วงสอบนี่จะทั้งนั่งอ่าน ทบทวน
 หาความรู้เพิ่มเติม ทำงานส่งอาจารย์ช่วง
 ก่อนสอบ ช่วงนั้นเวลานอนจะน้อยมากๆ
 เลยค่ะ

 อย่างที่บอกค่ะว่าเราต้องพยายามมากกว่า
 คนเกาหลีหลายเท่าตัวเลย เพราะเราเป็น
 ชาวต่างชาติ ทำให้ช่วงเวลาแห่งการสอบ
 เราจะเหนื่อยกว่าคนเกาหลีเยอะมากกกกก
 แต่ละคนก็ต้องเตรียมสอบของตัวเองกัน
 จะให้เพื่อนคนเกาหลีมาคอยติวหรือสรุปให้
 เราอันนี้เป็นไปได้น้อยในกรณีของซายน์นะ
 คะ ดังนั้นเราต้องยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่ง
 ตน ดังนั้นก็อ่านๆๆ ทำความเข้าใจๆๆ
 สรุปๆๆ กว่าจะเสร็จแต่ละวิชาโอ้วววว~
 แทบสลบค่ะ อั่กๆๆ
 แต่แม้เส้นทางยังอีก
 ยาวไกลหลายหมื่นลี้ ที่เผลอๆ มากกว่า
 หลักหมื่นลี้ 5555 แต่เป้าหมายเราคือเรียน
 ให้จบ เพราะเมื่อเรามีโอกาสได้ก้าวมายืน
 จุดนี้ได้แล้วก็ต้องสู้!! เฮ้!

      

       ประสบการณ์นอกเหนือจากการเรียนก็คือทำงาน part time แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าทำงาน
       แบบจริงๆ จังๆ เสียทีเดียวนะคะ 555 เพราะทางทุนไม่อนุญาตให้นักศึกษาชาวต่างชาติปี 1
       ปี 2 ทำงานเพราะกลัวจะเสียการเรียนค่ะเนื่องจากเรียนหนักอยู่แล้ว แต่ที่เคยได้ลองทำดูคือ
       ตัวประกอบ แล้วก็ถ่ายแบบให้กับร้านทำผมแถวมหาวิทยาลัยฮงอิกค่ะ 
การทำงาน
       ทั้งสองอย่างน่าสนใจมากๆ อีกอย่างคืองานเหล่านี้ทำให้ซายน์ได้เรียนรู้ระบบการทำงาน
       ของคนเกาหลีและได้เปิดโลกทัศน์ด้วยค่ะ
     
       ตัวอย่างงานนึงที่ซายน์เคยมีโอกาสทำก็คือ การได้ร่วมงานในการถ่ายทำละครเรื่องหนึ่งของ
       ช่อง KBS ค่ะ ถึงแม้จะเป็น extra ตำแหน่งเล็กๆ แต่ก็ทำให้ซายน์ได้เรียนรู้และสังเกตถึงการ
       ทำงานเบื้องหลังของคนเกาหลี เช่น คนเกาหลีจะตรงต่อเวลามากๆ ควรมาถึงก่อนเวลานัด
       สัก 10-15 นาที 
เพราะบางการถ่ายทำอาจถ่ายทำในตอนเช้า แล้วต้องตัดต่อเพื่อออกอากาศ
       ภายในวันนั้น ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเวลาที่เค้ากำหนดและต้องออกมาดีด้วยค่ะ
       หากไม่มีเรื่องฉุกเฉิน ในการทำงานจึงแทบไม่มีใครมาสายเลยค่ะ

 



 สำหรับในการถ่ายทำ การจัดแสง scene
 ถ่ายทำ เลือกสถานที่ แต่งหน้านักแสดง
 ฯลฯ ในทุกๆ ขั้นตอนก็จะมีทีมงานทำงาน
 ด้านนั้นๆ โดยเฉพาะค่ะ คือแยกสัดส่วนการ
 ทำงานกันค่อนข้างชัดเจน ไม่ใช่คนนึงทำ
 หลายหน้าที่หลายตำแหน่ง แล้วทุกคน
 ทำงานกันอย่างตั้งใจมากๆ

 แต่ละฉากที่เราได้ชมทางทีวีนั้น กว่าจะได้
 มานั้นต้องถ่ายทำนานมากค่ะ ถ่ายแล้วถ่าย
 อีกซํ้าๆ เพื่อเก็บรายละเอียดของงาน แล้ว
 ทีมงานก็จะมานั่งเลือกอันที่ดีที่สุดแล้วนำ
 มาตัดต่อประกอบเป็นฉากๆ ให้เราได้ชมกัน
 ค่ะ จึงแสดงให้เห็นว่าเค้าใส่ใจในรายละ
 เอียดเล็กๆ ซึ่งบางทีเราอาจมองข้ามมันไป
 จึงไม่แปลกเลยค่ะว่าทำไมละครซีรีส์เกาหลี
 หลายๆ เรื่องถึงได้เข้าไปครองใจผู้ชม
 หลายๆ คนได้มากถึงขนาดนี้


 อยากฝากสำหรับคนที่อยากมาเรียนต่อที่เกาหลีนะคะ
 อย่างแรกเลย พี่อยากให้ลองถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า
 เราชอบมันจริงๆ ไหม  อย่ามองเพียงแค่อยากมาเรียนต่อ
 ต่างประเทศหรือว่าเราชอบศิลปินดารานะคะ หากน้องๆ 
 มุ่งมั่น ตั้งใจ และคิดว่านี่คือสิ่งที่ใช่ สิ่งที่รัก และเป็นตัวเรา 
 จะยาก เหนื่อย ท้อแค่ไหนเราจะมีกำลังใจให้ตัวเองต่อสู้
 กับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ 

 หรือบางคนบอกว่า เคยมาเที่ยวแล้วก็เลย
 อยากมาเรียน อยากบอกว่ามันแตกต่างกัน
 มากๆ ค่ะ เพราะมาเรียนกับมาเที่ยว
 จุดประสงค์ก็แตกต่างกันแล้ว 
มาเรียนมี
 หน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ นักเรียนทุน
 ต้องรักษาเกรดในระดับที่ทางมหาลัย
 กำหนดด้วย
 หากน้องๆ ตัดสินใจแน่วแน่
 แล้วว่า เกาหลีและสาขาวิชาที่เลือกเรียน
 คือคำตอบแล้วล่ะก็ ขอให้น้อง 
”ลงมือทำ”        

 ที่สำคัญน้องควรเตรียมเอกสาร Profile
 พรีเซนต์ตัวเราและผลงานให้เต็มที่เลยค่ะ
 อย่าไปกลัวนะคะว่า
 โห คนส่งทุนเยอะ
 เราไม่ได้หรอก เราไม่เก่ง อย่าคิดแบบนั้น

 นะคะ เราต้องมั่นใจในตัวเองก่อนค่ะ
 ซายน์คิดว่าหากไม่เริ่มที่จะทำ โอกาส
 ของเราจะเป็นศูนย์


     
       นอกจากเตรียมเอกสารแล้ว อย่าลืมเตรียมเรื่องภาษาด้วยนะคะ ส่วนมากจะขอ TOPIK
       ระดับ 3 ค่ะ แต่บางปีก็มีหลายคนที่ไม่ได้ภาษาเกาหลีมาก่อนเลยแต่ได้ทุนเหมือนกัน (แต่มัน
       จะลำบากเรื่องเรียนและการใช้ชีวิตที่นี่เป็นอย่างมากค่ะเพราะว่าทุกวิชาจะสอนเป็นภาษา
       เกาหลี) จริงๆ ทุนจะให้เราเรียนภาษาด้วย แต่น้อยมากค่ะ แค่เพียงประมาณสามเดือนเพื่อ
       เตรียมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเท่านั้น หากเราไม่มีพื้นภาษาเกาหลีมาก่อนเลย มันจะทั้ง
       ปรับตัวลำบาก อย่างตัวซายน์เองแม้จะมีพื้นฐานมาก่อนบ้าง แต่ยอมรับเลยว่ามันยัง
       ไม่พอสำหรับการเรียนในมหาวิทยาลัยค่ะ
 บางวิชาซายน์ยังไม่สามารถจะลงเรียนได้เลย
       เพราะอาจารย์บอกว่าคุณต้องได้ภาษามากกว่านี้ไม่งั้นจะไม่อนุญาติให้ลงเรียนในวิชานั้นๆ
       เพราะฉะนั้นน้องๆ ที่สนใจส่ง ทุนหากเตรียมเรื่องภาษามาให้ดีก็จะช่วยเราให้เรียนสนุกและ
       ใช้ชีวิตในเกาหลีได้สนุกมากขึ้นด้วยค่ะ ....  ซายน์ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนที่สนใจ
       ทุนนี้นะคะ ถ้าคิดว่ามันใช่แล้ว ลองส่งมาเลยค่ะ แล้วมาเป็นหลานอาม่ากันนะคะ อิอิ

     
                                                                                         
                                                                                              By : Lakkhana Thongsiam (Syne)
                                                                      Art Major Asian Scholarship Student (AMA 8th)
                                                                      Facebook : http://www.facebook.com/misssyne
                                                                      Twitter : https://twitter.com/misssyne




                             
                                โอ๊ยยย อ่านจบแล้วมีใครตกหลุมรักน้องซายน์เหมือน พี่เป้ มั้ย
                                ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังเขินเลยอะ ฮ่าๆๆๆ ^^
และสำหรับน้องๆ
                                คนไหนที่สนใจทุน AMA แบบน้องซายน์ล่ะก็ เค้าจะเปิดรับสมัคร
                                กันช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีนะคะ 
สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียด
                                การสมัครได้ที่นี่เลย  คลิก 
และถ้าอยากสมัครล่ะก็ เตรียมพอร์ตฟอลิโอ
                                กัน ณ บัดนาว!! ไม่มีพอร์ต เค้าไม่รับพิจารณานะจะบอกให้!




ที่มา   http://www.dek-d.com/content/studyabroad/30527/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5-ama.php